เรื่องราวการเคาะนิ้วเพื่อขอบคุณในวัฒนธรรมการดื่มชาแบบจีน

 

เรื่องราวการเคาะนิ้วเพื่อขอบคุณในวัฒนธรรมการดื่มชาแบบจีน 

ในวัฒนธรรมการดื่มชาแบบจีน มีการแสดงความขอบคุณด้วยการแตะโต๊ะด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง ซึ่งมีที่มาจากตำนานหนึ่งเกี่ยวกับจักรพรรดิฉีเฉียงหลง (Qianlong Emperor) แห่งราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) ที่ทรงปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาเพื่อสำรวจชีวิตของประชาชน

ครั้งหนึ่ง จักรพรรดิฉีเฉียงหลงทรงเยี่ยมชมโรงน้ำชากับเพื่อนร่วมทาง โดยทรงเสิร์ฟชาให้กับเพื่อนๆ ด้วยพระองค์เอง ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว เพื่อนๆ ของพระองค์จะต้องคำนับด้วยการคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณ แต่การทำเช่นนั้นจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของพระองค์

 

 

เพื่อแก้ปัญหานี้ เพื่อนๆ ของพระองค์จึงเลือกที่จะใช้วิธีการแตะโต๊ะด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางเคาะลงที่โต๊ะ เพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณแทนการคำนับ วิธีการนี้เป็นการเลียนแบบการคำนับโดยไม่ดึงดูดความสนใจ และช่วยรักษาความลับของจักรพรรดิไว้ได้

ตั้งแต่นั้นมา การแตะโต๊ะด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการแสดงความขอบคุณอย่างเงียบๆ ในวัฒนธรรมการดื่มชาแบบจีน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่การพูดคำขอบคุณอาจจะรบกวนบรรยากาศของพิธีดื่มชาหรือการสนทนา

 

 

 

The tradition of finger tapping, also known as “finger kowtow,” during tea service in Chinese culture is linked to an interesting historical anecdote involving a Chinese emperor—commonly believed to be Emperor Qianlong of the Qing Dynasty, though sometimes the story is attributed to other emperors.

According to the legend, Emperor Qianlong liked to travel incognito to experience the life of his subjects firsthand and understand their concerns better. During one of these undercover journeys, he visited a teahouse with his companions. To maintain his disguise, he decided to serve tea to his companions himself. Traditionally, his subjects would have needed to kowtow (bow deeply) to show their gratitude and respect when receiving tea from the emperor. However, doing so would have revealed his identity.

To resolve this dilemma, his companions instead tapped the table with their first two fingers, which mimicked the motion of the kowtow. This gesture allowed them to show their respect without compromising the emperor’s disguise. The two fingers symbolize the prostrated body as a sign of gratitude and deference.

This gesture has since evolved into a common practice in Chinese tea culture, serving as a quiet, respectful way to thank the server without interrupting the flow of the ceremony or conversation. It’s particularly prevalent in more formal or traditional settings. This story not only highlights cultural practices but also the relationship between rulers and their subjects in historical China.