ชาอู่อี๋ต้าหงเผา

ชาอู่อี๋ต้าหงเผาเป็นเสมือนเพชรน้ำงามในบรรดาชาที่มีชื่อของจีน ได้รับสมญาว่าเป็น “ชาจองหงวน” ชาต้าหงเผาจัดว่าเป็นราชาของชาเหยียน (ชาเหยียน=ชาผาหิน เป็นชาที่ขึ้นอยู่บนผาหิน) ได้รับการขนามนามว่าเป็น “ราชาแห่งชาเหยียน” ถือว่าเป็นสัมบัติอันล้ำค่าของประเทศชาติ

ต้นแม่พันธุ์ของชาต้าหงเผาได้ถูกค้นพบและถูกเก็บใบชาเพื่อนำมาผลิตตั้งแต่ปลายสมัยราชวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิง จนถึงทุกวันนี้มีประวัติความเป็นมาถึง 350 ปีแล้ว ชื่อเสียงที่มีมานานเป็นร้อยๆปี ทำให้เกิดมีตำนานเรื่องเล่าขานอยู่มากมาย และยังถ่ายทอดไปอย่างกว้างขวาง เขาอู่อี๋ซานตั้งอยู่ในบริเวณแถบตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองอู่อี๋ซานมณฑลฝูเจี้ยน ชาต้าหงเผาต้นแม่พันธุ์นั้นขึ้นอยู่บนหน้าผาหินในหลืบเขาเทียนซินจิ่วหลงบนเขาอู่อี๋ซาน มีผาหินขนาบข้างทั้งสองด้าน แสงอาทิตย์ส่องถึงน้อย ความชื้นเหมาะสม มีสายน้ำไหลรินให้ความชุมชื้นแก่ต้นชาตลอดทั้งปี อีกทั้งได้สารอาหารจากใบไม้แห้งและพืชจำพวกตะไคร่ต่างๆที่เน่าทับถมกัน ผืนดินเต็มไปด้วยแหล่งอาหารบำรุงให้แก่ต้นชา ชาต้าหงเผาจึงมีต้นทุนอันเป็นพิเศษซึ่งธรรมชาติได้สร้างสรรค์ไว้ให้ ทำให้ชามีลักษณะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และมีคุณภาพเลิศล้ำ การเก็บชาต้าหงเผาในสมัยก่อน จะต้องมีพิธีการจุดธูปบูชา สวดมนต์ และใช้เครื่องมือที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ และมีช่างทำชาเป็นผู้ผลิต

ในช่วงต้นของยุคการปลดปล่อย การเก็บและผลิตใบชาต้าหงเผาถูกควบคุมดูแลโดยทหาร ขั้นตอนในการผลิตทุกขั้นตอนมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด และต้องเซ็นต์ชื่อกำกับทุกครั้งหลังชั่งน้ำหนัก สุดท้ายเมื่อปิดผนึกแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะทำหน้าที่ส่งใบชาไปยังที่ทำการรัฐบาลในท้องถิ่นนั้นๆ

ในปัจจุบัน การดูแลจัดการ การเก็บเกี่ยวและการผลิตใบชาจากชาต้าหงเผาต้นแม่พันธุ์นั้น เทศบาลประจำเมืองได้กำหนดและมอบหมายให้สถาบันวิจัยใบชาแห่งบริษัทชาเหยียนเป็นผู้จัดการและดำเนินการผลิต ชาหงเผาของอู่อี๋ซานมีลักษณะเป็นเส้นยาวและขมวดแน่น สีเขียวอมน้ำตาลมันวาวสดใส น้ำชาที่ชงได้มีสีส้มอมเหลืองใสเป็นประกาย ใบชาสีเขียวแดงสลับกัน สามารถสัมผัสถึงความงามของ “ใบเขียวเลี่ยมขอบแดง”ได้อย่างแจ่มชัด

คุณภาพอันโดดเด่นของชาต้าหงเผาก็คือกลิ่นหอมกรุ่นจรุงใจ กลิ่นหอมหวลและคงความหอมอยู่ได้นาน รสชาติละมุนละไม ดื่มแล้วยังคงเหลือความหอมไว้ทั่วปาก เป็น “เสน่ห์แห่งหินผา” อย่างแท้จริง และเมื่อเปรียบเทียบกับชาชนิดอื่นๆแล้ว ชาต้าหงเผานี้ชงได้ถึงเก้าครั้งก็ยังไม่เสียรสชาติเดิม——มีกลิ่นหอมเหมือนดอกกุ้ยฮวา