“สเตนเลส” หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ “เหล็กกล้าไร้สนิม” เป็นศัพท์ทั่วไปที่ใช้เรียกเหล็กในกลุ่มที่มีความต้านทานการกัดกร่อนสูง สเตนเลสเป็นโลหะผสมระหว่างเหล็กและคาร์บอน ซึ่งส่วนประกอบจะมีปริมาณคาร์บอนต่ำ มีโครเมียมเป็นส่วนผสมหลักประมาณ 10.5 % หรือมากกว่าทำให้เกิดการสร้างฟิล์มโครเมียมออกไซด์ (chromium oxide film : CrO2 หรือเรียกว่า passive film) ที่มองไม่เห็นเกาะติดแน่นอยู่ที่ผิวหน้า
ทำให้เหล็กกล้ามีความต้านทานการกัดกร่อน ฟิล์มปกป้องนี้จะมีความบางเทียบเท่ากับวางกระดาษ 1 แผ่น บนตึกสูง 20 ชั้น ถ้าฟิล์มที่ผิวหน้านั้น ถูกทำลายไม่ว่าจากแรงกล สารเคมีหรือออกซิเจนที่มีอยู่ในบรรยากาศ แม้จำนวนน้อยนิดจะเข้าทำปฏิกิริยากับโครเมียม สร้างฟิล์มโครเมียมออกไซด์ทดแทนขึ้นใหม่ด้วยตัวมันเอง
ปัจจุบันสเตนเลสมีอยู่มากกว่า 60 ชนิด ทั้งนี้เนื่องจากสเตนเลสสามารถปรับปรุงคุณสมบัติในการต้านทานการกัดกร่อนและ คุณสมบัติอื่น ๆ ที่ต้องการให้สูงขึ้นได้ โดยการเพิ่มส่วนผสมของโครเมียมและเพิ่มธาตุอื่น ๆ เช่น โมลิบดิบนัม นิกเกิล และไนโตรเจนเข้าไป
ด้วยคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใคร เช่น ยากต่อการขึ้นสนิมเมื่อเทียบกับโลหะหรือวัสดุอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ ง่ายต่อการเชื่อมและการขึ้นรูป ระยะเวลาการใช้งานคุ้มค่ากับราคา และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด จึงทำให้สเตนเลสเป็นโลหะที่ทรงคุณค่า คุณสมบัติและประโยชน์ที่ไร้ขีดจำกัด
ธาตุผสมหลักในสเตนเลส
คนทั่วไปมักจะสับสนหรือเข้าใจเหมารวมว่าสเตนเลสก็คือเหล็ก แต่ในความเป็นจริง สเตนเลสมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากเหล็กมากมาย ซึ่งเป็นผลมาจากธาตุโลหะที่ผสมอยู่ในสเตนเลส ทั้งนี้เพราะเหล็กกล้าทุกชนิด คือ โลหะผสมระหว่างเหล็กและคาร์บอน ส่วนเหล็กกล้าพิเศษ (รวมถึงสเตนเลส) คือโลหะผสมระหว่างเหล็กและธาตุอื่น ๆ เช่น เพิ่มคาร์บอน นิกเกิล แมงกานีส โมลิบดิบนัม เป็นต้น ส่วนเสตนเลสคือโลหะผสมระหว่างเหล็กที่มีโครเมียมเป็นส่วมผสมหลัก และมีคาร์บอนผสมอยู่ต่ำ และเติมธาตุอื่น ๆ เพื่อจะปรับปรุงให้คุณสมบัติด้านใดสูงขึ้น เช่น เพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน เพิ่มคุณสมบัติเชิงกล คุณสมบัติทางกายภาพ และคุณสมบัติในด้านการสร้าง การขึ้นรูป หรือการประกอบ